ฝึกลูกให้รู้จักดูแลตัวเองให้ประโยชน์เกินร้อย

ฝึกลูกให้รู้จักดูแลตัวเองให้ประโยชน์เกินร้อย/ดร.แพง ชินพงศ์

ในการเลี้ยงลูกนอกจากเราจะคำนึงถึงการอบรมบ่มนิสัยและการส่งเสริมความฉลาดทางด้านสติปัญญาแล้ว
การให้ความใส่ใจในเรื่องของความสะอาดของลูกก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
เพราะความสะอาดนำมาสู่ร่างกายที่แข็งแรง เมื่อร่างกายแข็งแรงแล้วก็จะสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ดีตามมา

แต่ก็ใช่ว่า คุณพ่อคุณแม่ จะต้องทำให้ทุกอย่างจนเคยตัว ควรฝึกให้ลูกๆ ได้รู้จักดูแลรักษาร่างกายของตนตั้งแต่เล็กๆ
ซึ่งการฝึกลูกให้ดูแลตัวเองให้สะอาดจนติดเป็นนิสัยเช่นนี้ นอกจากจะทำให้ลูกเป็นเด็กที่รักความสะอาด
รักสุขภาพของตนเองแล้ว ยังเป็นการฝึกการช่วยเหลือตนเอง และฝึกวินัยในการดำเนินชีวิตของลูกด้วย
ซึ่งการฝึกให้ลูกดูแลความสะอาดของตนเองนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกได้ดังนี้

1.ดูแลความสะอาดของร่างกาย

คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกให้ลูกอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง คือตอนเช้าหลังตื่นนอนและตอนเย็นก่อนนอน
โดยให้ลูกถูสบู่ให้ทั่วทุกซอกทุกมุมของร่างกาย และล้างคราบสบู่ออกจากตัวให้หมดจด
เมื่อล้างตัวเสร็จแล้วให้รีบเช็ดตัวให้แห้งและทาแป้งเพื่อความสบายตัว
ซึ่งควรมีอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับอาบน้ำของลูก ได้แก่

  • อ่างอาบน้ำและขันขนาดเล็ก หากใช้ฝักบัว ควรดูแลเรื่องของระดับความแรงของน้ำไม่ให้น้ำแรงเกินไป และหากใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ต้องระวังไม่ให้น้ำร้อนเกินไปด้วย
  • สบู่สำหรับเด็ก ควรเลือกใช้สบู่สำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพราะผิวของเด็กบอบบาง สบู่ของผู้ใหญ่มีส่วนผสมของสารเคมีมากเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง หรือหากเข้าตาก็เป็นอันตรายต่อดวงตาได้เช่นกัน
  • แป้งเด็ก แป้งสำหรับเด็กจะมีเนื้อเนียนละเอียด ผ่านการสเตอริไลส์เพื่อความสะอาดปลอดภัยต่อผิวเด็ก
  • ผ้าเช็ดหน้าและเช็ดตัวที่แห้งสะอาด มีขนาดที่เหมาะสมกับตัวลูก ควรแยกผ้าเช็ดตัวและผ้าเช็ดหน้าเป็นคนละผืนไม่ควรให้ลูกใช้ปะปนกัน

2. ดูแลความสะอาดของฟัน

การดูแลเรื่องการแปรงฟันของลูกเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะเด็ก ๆ ส่วนมากไม่ค่อยชอบแปรงฟัน
ส่วนใหญ่มักจะถูแปรงสีฟันแรง ๆ ไปมาไม่กี่ทีก็เป็นอันเสร็จพิธี บางคนขอแค่อมน้ำแล้วบ้วนทิ้งก็พอแล้ว
แม้หลายคนจะชอบดูพ่อแม่แปรงฟัน อยากเลียนแบบ แต่พอตัวเองทำเอง ก็แค่แป๊บเดียว
เราจึงมักจะเห็นเด็กหลายคนฟันผุบ้างฟันดำบ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
คือหลังตื่นนอนตอนเช้าและก่อนเข้านอน และสอนให้ลูกบ้วนปากทุกครั้งหลังอาหาร
การฝึกให้ลูกแปรงฟันควรทำอย่างถูกวิธี ดังนี้
  • แปรงฟันอย่างน้อยครั้งละ 2 นาที
  • แปรงฟันให้ทั่วทุกซี่ ทั้งด้านนอกและด้านในของฟัน อีกทั้งไม่ลืมที่จะแปรงลิ้นด้วย
  • ฟันบนแปรงลงล่าง ฟันล่างแปรงขึ้นบน
  • อย่าให้ลูกแปรงฟันแรงเกินไป เพราะจะทำให้เหงือกอักเสบ เป็นแผลเลือดออกและฟันสึกได้

ซึ่งอุปกรณ์เครื่องใช้ในการแปรงฟันของลูก ได้แก่
  • แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่มและมีขนาดเหมาะกับวัยของเด็ก ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายช่วงอายุ แถมยังมีลายการ์ตูนอีกหลายแบบให้ลูกเลือก
  • ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ เพราะฟลูออไรด์เป็นสารป้องกันฟันผุ
  • แก้วน้ำขนาดเหมาะมือ เพื่อให้ลูกหยิบจับได้ง่าย

3.ดูแลความสะอาดของผม

ผมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่สกปรกง่ายและเป็นแหล่งบ่มเพาะโรคภัยได้ดีอีกที่หนึ่งเลยทีเดียว
แค่ลูก ๆ วิ่งเล่นเหงื่อออก ผมจะเปียกชื้น และหากไม่ดูแลสระผมก็จะเกิดความหมักหมม ทำให้ศีรษะเหม็น เป็นชันตุหรือเป็นเหาได้
คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกสระผมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 -3 ครั้ง แต่หากต้องทำกิจกรรมที่เลอะเทอะหรือสกปรก ก็ควรสระผมทุกครั้งหลังการเล่นเพื่อความสะอาดและเพื่อสุขภาพที่ดีของศีรษะ
ซึ่งอุปกรณ์เครื่องใช้ในการสระผมของลูก ได้แก่
  • ยาสระผมสำหรับเด็ก จะไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะและดวงตาของลูกเมื่อยาสระผมเขาหา แต่ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ควรระวังอีกอย่างหนึ่งคือเวลาลูกล้างผมต้องคอยระวังดูแลไม่ให้น้ำเข้าหูลูก โดยอาจให้ลูกใช้น้ำทีละนิดค่อยๆล้างจนสะอาดก็ได้
  • ผ้าเช็ดผมที่มีขนาดเหมาะกับตัวเด็ก
  • แปรงหรือหวีสำหรับเด็ก ไว้สำหรับหวีเมื่อผมแห้งหมาดหรือแห้งสนิทแล้วเพื่อไม่ให้ผมลูกพันกัน คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรให้ลูกใช้หวีสำหรับผู้ใหญ่เพราะอาจมีความแข็งซึ่งทำให้เวลาหวีอาจถูกหนังศีรษะของลูกทำให้เกิดเป็นแผลได้

4.ดูแลความสะอาดของเสื้อผ้า

คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกรู้จักดูแลรักษาความสะอาดของเสื้อผ้าของเขาเอง โดยให้ลูกระมัดระวังเวลาสวมใส่
เช่นเวลากินขนมหรือกินไอศกรีมแล้วมือเปรอะก็สอนให้ลูกเช็ดมือที่กระดาษชำระหรือผ้าเช็ดมือ ไม่ควรเช็ดที่เสื้อหรือกางเกง
หรือเมื่อลูกใช้เสื้อผ้าเสร็จแล้วควรสอนให้เขานำเสื้อผ้าไปใส่ตะกร้าอย่าให้วางเรี่ยราดบนพื้นหรือหมกเอาไว้
เพราะจะทำให้เสื้อผ้าสกปรกและทำให้เกิดเชื้อโรคได้

นอกจากการฝึกให้ลูกดูแลความสะอาดส่วนต่างๆตามที่กล่าวมาแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรสอนและฝึกให้ลูก
เห็นความสำคัญของการดูแลรักษาสุขภาพของตนอยู่เสมอ เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงของลูกเอง ดังนี้
  • ฝึกให้ลูกออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจเป็นการวิ่งเล่น หรือกระโดดโลดเต้นหรือเล่นกีฬา เพื่อให้กล้ามเนื้อของลูกได้เคลื่อนไหว ทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีความสมบูรณ์ตามวัย และหากคุณพ่อคุณแม่ ร่วมออกกำลังกายไปด้วย ก็จะได้ประโยชน์กับตัวเองด้วย
  • ฝึกให้ลูกรู้จักการหลีกเลี่ยงและการแพร่เชื้อโรคต่างๆ เช่น เวลาไอหรือจามต้องปิดปาก การล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหาร การใช้ช้อนกลางตักอาหาร การใช้ผ้าปิดปากและจมูกเมื่ออยู่ใกล้คนป่วย ไม่เล่นสิ่งของที่สกปรก
  • ฝึกให้ลูกรับประทานอาหารครบ 5 หมู่และดื่มน้ำที่สะอาด และไม่รับประทานลูกอมและขนมหวานมากเกินไป เพราะจะทำให้ฟันผุและมีน้ำตาลมากซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานได้
  • ฝึกให้ลูกพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยไม่ให้นอนดึกจนเกินไปและควรได้นอนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง

วิธีง่าย ๆ เหล่านี้เป็นวิธีที่จะทำให้ลูกของคุณพ่อคุณแม่เป็นเด็กที่มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง
มีพัฒนาการที่ดีสมวัยและมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น หากไม่อยากให้ลูกเราขี้โรค เจ็บป่วยง่าย ร่างกายไม่แข็งแรงเติบโต
ควรฝึกให้ลูกได้ดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้เพื่ออนาคตที่ดีของลูกเอง

เรียบเรียงจาก : http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000150327